วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กิจกรรมประจำหน่อยการเรียนรู้ที่ 2 หลักการและวิธีการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ

ให้นักเรียนตอบคำถามข้อ 1-9 โดยเขียนตามความเข้าใจของนักเรียนเอง
1.กระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ตอบ  คือกระบวนการจัดการข้อมูล ให้ผ่านกระบวนการต่างๆ จนกลายเป็นสารสนเทศ และสามารถมาใช้ให้เกิดความรู้ได้
2.จงให้คำนิยามของสิ่งต่อไปนี้ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
         1) ข้อมูล
ตอบ คือข่าวสารต่างๆ
         2) สารสนเทศ
ตอบ คือข้อมูลที่ผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว
         3) ความรู้
ตอบ คือสิ่งที่เกิดจากการนำสารสนเทศมาวิเคราะห์
3.จงยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของนักเรียนเองว่า ความรู้ช่วยในการตัดสินใจอย่างไร
ตอบ ในการเลือกซื้อนมจากร้านต่างๆ โดยการเทียบราคา
4.การเก็บข้อมูลและสารสนเทศมีวิธีการอย่างไร และเก็บไว้เพื่อประโยชน์อะไร
ตอบ เก็บอย่างเป็นระบบในรูปของ ฐานข้อมูล เพื่อจำะได้สามารถทำนายเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
5.การเผยแพร่สารสนเทศมีวัถตุประสงค์อย่างไร และต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ตอบ  มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด และต้องคำนึงถึง วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย และสื่อที่เหมาะสม
6.จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนพบปัญหา ตามปกตินักเรียนจะหาคำตอบให้แก่ปัญหานั้นด้วยวิธีใดบ้าง จงบอกมา 3 วิธี พร้อมทั้งบอกว่าแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
ตอบ 1.ใช้ความคิดตนเองเป็นหลัก
         2.ลอกเลียนแบบของคนอื่น
         3.ปรึกษาเพื่อน
ข้อดี คือ สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
ข้อเสีย บางครั้งวิธีการแก้ไขปัญหานั้นก็ไม่ถูกต้อง
7.ปัญหาง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องใช้วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ  จำเป็น เพราะเป็นการฝึกการแก้ไขปัญหาต่างๆ
8.การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไร จงอธิบาย และมีประโยชน์ อย่างไร
ตอบ  มีขั้นตอนคือ
         1) วิเคราะห์ปัญหาเพื่อหาประเด็นสำคัญของปัญหา
         2) หาแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับแต่ละประเด็น
         3) กำหนดรายละเอียดในการแก้ปัญหาตามแนวทางนั้น
         4) พิจารณาจากรายละเอียดว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาเหมาะสมหรือไม่
         5) พิจารณามาตรการแก้ปัญหาว่าเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอให้กลับไปขั้นตอนที่ 1 ใหม่
ประโยชน์ คือ ทำให้การแก้ไขปัญหาดีขึ้น
9.จงยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการแก้ปัญหาที่นักเีรียนได้พบเห็นมาโดยเล่าเรื่องราวพอสังเขปและวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ เช่นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการทำการบ้าน โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการแก้ไขปัญหา เป็นสิ่งที่ดี

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

เข้าึค่ายลูกเสือ ม.2



เข้าค่ายลูกเสือ ม.2
โรงเรียนตากพิทยาคม

กิจกรรมประกอบอาหาร
ร่วมกันร้องเพลง
                    กิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนตากพิทยาคม ได้จัดขึ้นใน วันที่ 24-26 มกราคม 2556 ณ ค่าย ตชด.34 (ค่ายพระเจ้าตาก) เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทุกคน ได้รู้จักการใช้ชีวิตมากขึ้น
                   ภายในค่ายมีกิจกรรมมากมาย เช่น กิจกรรมเดินเสือ กิจกรรมรอบกองไฟ กิจกรรมฐานต่างๆ (เช่นกระโดดหอ เป็นต้น) ทุกๆกิจกรรมล้วนมีความสนุกสนานมาก ทำให้เราได้ทราบถึงน้ำใจ และมิตรภาพของชาวเสื้อสีฟ้า ตากพิทยาคม ทุกคน 
                   เรารักโรงเรียนตากพิทยาคมมากๆค่ะ :)

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556


แมวพันธุ์เปอร์เซีย


           แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย

           แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)

           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง 

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian

 ลักษณะสายพันธุ์

           แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา

           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น 

           อย่างไรก็ตาม แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยแบ่งตามสี และลักษณะเป็นหลัก ดังนี้

            1.Solid colour  ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์

            2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น

            3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

            4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel

            5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม

            6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน

            7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส

 อาหารและการเลี้ยงดู

           อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า แมวเปอร์เซียเป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ค่าเลี้ยงดูและค่าตัวอาจแพงสักหน่อย ทั้งนี้ ราคาของแมวเปอร์เซีย มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ขึ้นกับเกรดของสายพันธุ์ สามารถแบ่งได้เป็น

           เกรดเพ็ด(PET Quality) ส่วนมากเป็นแมวที่เลี้ยงตามบ้านทั่วไป ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท จมูกยาว หน้าไม่บี้ หรือเรียกว่าหน้าตุ๊กตา

           เกรดทำพันธุ์และโชว์(Breed and Show Quality) ส่วนมากเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เลี้ยงไว้เพื่อประกวด หรือโชว์ มีลักษณะของแมวเปอร์เซียที่ดีครบ โดยหน้าจะบี้ คือ จมูกและตาเกือบเสมอกัน

           นอกจากนี้ ระดับของราคายังแบ่งเป็นสายพันธุ์ในประเทศอยู่ที่ 25,000-35,000 บาท สายพันธุ์นำเข้า 35,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับสุขภาพของแมว และลักษณะเด่นตามสายพันธุ์ 

           เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย

           ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้

 โรคและวิธีการป้องกัน

           โรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา 

           เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ 

           แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://pet.kapook.com/view166.html 


วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

โปรตีนเกษตร


โปรตีนเกษตร
โปรตีนเกษตรหรือเนื้อเทียม (Textured Vegetable Protein : TVP) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลิตจากแป้งถั่วเหลืองพร่องไขมัน 100% จึงมีคุณค่าทางโภชนาการซึ่งเป็นโปรตีนจากพืชถึง 50% โดยโปรตีนจากถั่วเหลืองดังกล่าวถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทุกตัว โดยเฉพาะมีไลซีน (Lysine) สูง นอกจากนี้ โปรตีนเกษตรยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์

เครื่องจักรที่สำคัญในการผลิตโปรตีนเกษตร คือเครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ (Extruder) โดยการใส่แป้งถั่วเหลืองพร่องไขมันเข้าเครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ ซึ่งมีความดันและอุณหภูมิสูง ในระยะเวลาสั้นๆ เรียกว่า กระบวนการอัดพอง หรือ extrusion process แป้งถั่วเหลืองพร่องไขมันได้รับความร้อนขณะเคลื่อนตัวไปตามร่องสกรูของเครื่องเอ็กซ์ทรูดเดอร์ จนสภาพธรรมชาติเปลี่ยนไป (protein denatured) เป็นของเหลวข้น และถูกอัดผ่านรูเล็กๆ ที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมออกมา พร้อมกับถูกใบมีดที่ติดตั้งอยู่ที่ปลายเครื่อง ตัดออกเป็นชิ้นๆ หล่นลงสู่สายพาน นำเข้าอบเพื่อไล่ความชื่นให้เหลือต่ำกว่า 5% ก็จะได้ผลิตภัณฑ์โปรตีนที่มีลักษณะคล้ายเนื้อสัตว์ที่เรียกว่า “โปรตีนเกษตร”

วิธีการใช้โปรตีนเกษตร
นำมาแช่ในน้ำเย็น โดยใช้โปรตีนเกษตร 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จะดูดน้ำจนพองนิ่ม (หรือแช่ในน้ำเดือดใช้เวลา 2 นาที) บีบน้ำออก นำไปประกอบอาหารได้

วิธีการเก็บรักษาโปรตีนเกษตร
เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ในภาชนะที่สะอาด แห้ง ปิดสนิท เก็บได้นาน 1 ปี

คุณค่าทางอาหาร
ปริมาณสารอาหารในโปรตีนเกษตร 100 กรัม
โปรตีน 49.76 กรัม
คาร์โบไฮเดรต (รวม crude fiber) 40.89 กรัม
ใยอาหาร 13.60 กรัม
เถ้า 6.78 กรัม
ความชื้น 2.15 กรัม
ไขมัน 0.42 กรัม
พลังงาน 366.38 กิโลแคลอรี่
โพแทสเซียม 6.71 กรัม
ฟอสฟอรัส 773.70 มก.
แคลเซียม 138.90 มก.
เหล็ก 6.80 มก.
โซเดียม 0.95 มก.
ไนอะซีน 2.35 มก.
วิตามินบี 1 0.26 มก.
วิตามีนบี 2 0.26 มก.


กรดอะมิโน
ลูซีน 3.98 กรัม
ไลซีน 3.11 กรัม
ฟีนิลอะลานีน 2.85 กรัม
วาลีน 2.25 กรัม
ทรีโอนีน 2.18 กรัม
ไอโซ-ลูซีน 2.13 กรัม
ไทโรซีน 1.88 กรัม
ทริปโตเฟน 0.91 กรัม
ซิสตีน 0.80 กรัม
เมทไทโอนีน 0.73 กรัม


ผลิตโดย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

โครงงานบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง เมี่ยงคำเมืองตาก


ที่มาและความสำคัญ
            เมี่ยงคำเมืองตาก หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าเมี่ยงจอมพล เป็นเมี่ยงที่มีลักษณะเด่นและมีส่วนประกอบของเมี่ยง เช่น มะพร้าวขูด ข้าวตากแห้งทอด ถั่วลิสงคั่ว ข้าวเกรียบชุบน้ำให้อ่อนตัว ฯลฯ ซึ่งนิยมรับประทานเป็นของว่าง และยังเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวจังหวัดตากที่มีชื่อเสียง แต่ปัจจุบันพบว่า เมี่ยงคำเมืองตาก หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าเมี่ยงจอมพลนั้น หาทานได้ยาก เพราะเนื่องจากประชาชนทั่วไปนิยมหันมารับประทานอาหารอื่นแทน
                คณะผู้จัดทำจึงทำการศึกษาอุปกรณ์ ส่วนประกอบ ตลอดจนการทำเมี่ยงคำเมืองตาก และนำเสนอ เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเมี่ยงคำเมืองตาก
                การนำเสนอ และเผยแพร่ข้อมูล เกี่ยวกับเมี่ยงคำเมืองตากนั้น คณะผู้จัดทำได้เผยแพร่ลงในสื่อออนไลน์ เช่น facebook เว็บไซต์ และบล็อกเกอร์ เพื่อเป็นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์อาหารพื้นบ้านของชาวจังหวัดตากใหเอยู่คู่กับชาวจังหวัดตาก ตลอดไป

วัตถุประสงค์
           1. เพื่อศึกษาวิธีการทำเมี่ยงคำ
           2. เพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอข้อมูล เรื่อง เมี่ยงคำเมืองตาก
           3. เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดตาก และเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่น
ของจังหวัดตาก  ให้มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น
 
ประโยชน์ที่ได้รับ
              1.ได้รู้เกี่ยวกับวิธีการทำเมี่ยงคำซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวจังหวัดตาก
              2 . ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอข้อมูลเรื่องเมี่ยงคำเมืองตาก
              3.  ได้อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดตาก และได้เผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวจังหวัดตาก  และได้เผยแพร่วัฒนธรรมของจังหวัดตากให้มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น


วิธีดำเนินงาน
1.กำหนดหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา

2.วางแผนการดำเนินงาน

3.หาข้อมูล และรวบรวมข้อมูล

4.ปฏิบัติงาน (ศึกษาการทำเมี่ยงคำเมืองตาก)

5.ตรวจสอบ

6.นำเสนอข้อมูล 


ผลการศึกษา

               ก่อนโพสต์ มียอดผู้เข้าชม จำนวน 2447 คน หลังการโพสต์ มีผู้เข้าชม 2534 คน ซึ่งเดิมขึ้นจากเดิม 107 คน และมีผู้แสดงความคิดเห็นจำนวน 1 คน 

สรุปผลการศึกษา
ในการจัดทำโครงงานเรื่องเมี่ยงคำเมืองตากเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และทำให้คณะผู้จัดทำได้ทราบเกี่ยวกับวิธีการทำเมี่ยงคำซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวจังหวัดตาก ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอข้อมูล และเป็นการอนุรักษ์ เผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวจังหวัดตากให้มีชื่อเสียงมากขึ้น 

ข้อเสนอแนะ
                การทำโครงงานเรื่อง เมี่ยงคำเมืองตาก มีข้อเสนอแนะดังนี้
1.             ควรเพิ่มเวลาการทำโครงงาน

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์


โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1. เครือข่ายเฉพาะที่ (Local Area Network : LAN) เป็นเครือข่ายที่มักพบเห็นกันในองค์กรโดยส่วนใหญ่ลักษณะของการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นวง LAN
จะอยู่ในพื้นที่ใกล้ ๆ กัน เช่น อยู่ภายในตึกเดียวกัน เป็นต้น
2. เครือข่ายเมือง (Metropolitan Area Network : MAN)
เป็นกลุ่มของเครือข่าย LAN ที่นำมาเชื่อมต่อกันเป็นวงที่ใหญ่ขึ้น ภายในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ในเมืองเดียวกัน เป็นต้น
3. เครือข่ายบริเวณกว้าง ( Wide Area Network : WAN)
เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับ โดยเป็นการรวมเครือข่ายทั้ง LAN และ MAN มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายเดียว ดังนั้นเครือข่ายนี้จึงครอบคลุมพื้นที่กว้าง บางครั้งครอบคลุมไปทั่วประเทศ หรือทั่วโลก อย่างเช่น อินเตอร์เน็ต ก็จัดว่าเป็นเครือข่าย WAN ประเภทหนึ่ง แต่เป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
โครงสร้างของเครือข่าย (Network Topology) หมายถึง รูปแบบการจัดวางคอมพิวเตอร์ และการเดินสายสัญญานคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย รวมถึงหลักการไหลเวียนข้อมูลในเครือข่ายด้วย โดยแบ่งโครงสร้างเครือข่ายหลัก แบบ คือ
1.
 เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยสายเคเบิ้ลยาว ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยจะมีคอนเน็กเตอร์เป็นตัวเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ล ในการส่งข้อมูล จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ การจัดส่งข้อมูลวิธีนี้จะต้องกำหนดวิธีการ ที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกัน เพราะจะทำให้ข้อมูลชนกัน วิธีการที่ใช้อาจแบ่งเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้ความถี่ สัญญาณที่แตกต่างกัน การเซตอัปเครื่องเครือข่ายแบบบัสนี้ทำได้ไม่ยากเพราะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์แต่ละชนิด ถูกเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิ้ลเพียงเส้นเดียวโดยส่วนใหญ่เครือข่ายแบบบัส มักจะใช้ในเครือข่ายขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์ใช้ไม่มากนัก
2. เครือข่ายแบบดาว (Star Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เข้ากับอุปกรณ์ที่เป็น จุดศูนย์กลาง ของเครือข่าย โดยการนำสถานีต่าง ๆ มาต่อร่วมกันกับหน่วยสลับสายกลางการติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีจะกระทำได้ ด้วยการ ติดต่อผ่านทางวงจรของหน่วนสลับสายกลางการทำงานของหน่วยสลับสายกลางจึงเป็นศูนย์กลางของการติดต่อ วงจรเชื่อมโยงระหว่างสถานีต่าง ๆ ที่ต้องการติดต่อกัน
3. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลยาวเส้นเดียว ในลักษณะวงแหวน การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายวงแหวน จะใช้ทิศทางเดียวเท่านั้น เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งส่งข้อมูล มันก็จะส่งไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป ถ้าข้อมูลที่รับมาไม่ตรงตามที่คอมพิวเตอร์เครื่องต้นทางระบุ มันก็จะส่งผ่านไปยัง คอมพิวเตอร์เครื่องถัดไปซึ่งจะเป็นขั้นตอนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทางที่ถูกระบุตามที่อยู่
จากเครื่องต้นทาง

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เมี่ยงคำเมืองตาก

เมี่ยงคำ

เมี่ยงคำ เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางสมุนไพรสูงเพราะมีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาธาตุทั้ง 4 เพื่อให้สมดุลกัน น้ำอ้อย,มะพร้าว,ถั่วลิสงหรือมะม่วงหิมพานต์และกุ้งแห้งใช้บำรุงรักษาธาตุดิน มะนาวและใบชะพลูใช้บำรุงรักษาธาตุน้ำ หอมและพริกใช้บำรุงรักษาธาตุลม เปลือกของมะนาวและขิงสดบำรุงรักษาธาตุไฟ เมี่ยงคำเมืองตาก หรือเมี่ยงจอมพล ลักษณะเด่นและส่วนประกอบของเมี่ยง คือ มะพร้าวขูด ข้าวตากแห้งทอด ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง แคบหมู มะนาว หัวหอมแดง ขิง หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พริกขี้หนูสด เต้าเจี้ยว ข้าวเกรียบชุบน้ำให้อ่อนตัว นำส่วนประกอบทั้งหมดห่อด้วยข้าวเกรียบใส่น้ำเต้าเจี้ยว ห่อพอดีคำ รับประทานเป็นของว่าง